Nokia T20 10.4 แทบเล็ตตัวแรกในรอบหลายปีจากแบรนด์ที่คุ้นเคย
แม้ว่าระยะหลังเราจะได้ยินชื่อ Nokia และ HMD Global ไม่บ่อยนัก แต่รอบนี้ก็ถือว่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อย เพราะว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้คือ Nokia T20 เป็นแทบเล็ตแอนดรอยด์รุ่นแรกจากแบรนด์ Nokia ในรอบหลายปี
ครั้งสุดท้ายที่เราได้ยินข่าวเรื่องแทบเล็ตแอนดรอยด์จากแบรนด์ Nokia คือปี 2014 โดยครั้งนั้นเป็นผู้ผลิตจีนที่ซื้อลิขสิทธิ์ชื่อ Nokia ไปใช้ และวางจำหน่ายในประเทศจีนเท่านั้น หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ยินเรื่องแทบเล็ตแอนดรอยด์มากนัก ไม่ว่าจะแบรนด์ไหนก็ตาม
Nokia T20 จัดว่าเป็นแทบเล็ตที่มีขนาดพอประมาณ (10.4 นิ้ว ความละเอียด 2000 x 1200 พิกเซล) เป็นขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ตัวเครื่องมีแบตเตอรี 8,200 mAh และสามารถชาร์จไฟที่ 15W เหมาะกับการนำไปใช้เรียน หรือทำงานที่บ้าน รองรับการทำวิดิโอคอลยาวๆ ได้สบายๆ
ทาง HMD Global ระบุว่าตัวเรื่องสามารถใช้งานได้ 15 ชั่วโมงต่อเนื่องกัน ถ้านำไปทำวิดิโอคอลจะใช้ได้ 7 ชั่วโมงต่อเนื่อง ข่าวร้ายคือหัวชาร์จที่แถมมาให้ในกล่องจะรองรับการจ่ายไฟเพียง 10W เท่านั้น ถ้าอยากจะจ่ายไฟให้ได้ 15W ต้องไปหาซื้อหัวชาร์จไฟ USB PD แยกเอาเอง
ชิปประมวลผลเป็น Unisoc Tiger T610 (8 คอร์) มาพร้อมกับ Android 11 เน้นการใช้งานที่กินไฟน้อยมากกว่างานประมวลผลหนักๆ เนื่องจากชิปประมวลผลไม่ได้มีพลังมากนัก นอกจากนี้ยังรองรับการใช้ MicroSD เพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูล โดยจะมีรุ่นความจุ 32 และ 64GB และหน่วยความจำ 3 / 4 GB ขึ้นอยู่กับพื้นที่เก็บข้อมูล
Nokia T20 จะได้รับอัพเดทระบบปฏิบัติการสองครั้ง และแพทช์ความปลอดภัยรายเดือนสามปี นอกจากนี้ยังได้รับ Android Enterprise Recommended สามารถนำไปใช้งานในองค์กรได้อีกด้วย โดยถ้าหากซื้อแบบ Android Enterprised ทาง HMD Global จะมีระบบติดตั้งและดีพลอยการใช้งานจำนวนมากๆ หลายๆ เครื่องให้
ตัวเครื่องมีลำโพงสเตอริโอ ไมโครโฟนสองตัว และพอร์ตหูฟัง 3.5 มม กล้องหน้ามีความละเอียด 5 Megapixel สามารถใช้ทำ Face Unlock ได้ ส่วนกล้องหลัง 8 Megapixel
สุดท้ายนี้ HMD Global พร้อมขายอุปกรณ์เสริมสำหรับ Nokia T20 ด้วย ได้แก่เคสทนกระแทก และเคสทนกระแทกที่มี Flip Cover ในตัว ทำให้สามารถวางตั้งได้โดยไม่ต้องพึ่ง Kickstand และหูฟัง Nokia Micro Earbuds Pro ที่มีระบบตัดเสียงในตัว
Nokia T20 จะมีทั้งรุ่นที่เป็น WiFi และ 4G โดยราคาเริ่มต้นรุ่น WiFi จะอยู่ที่ 200 ยูโร ส่วนรุ่น 4G LTE จะอยู่ที่ 240 ยูโรครับ
ที่มา – GSMarena